เรามักจะได้ยินคำพูดจาก ตากล้องทุกคน ว่า “ไม่ได้ออกไปถ่ายรูปเลยฟ่ะ” “จะไปถ่ายรูปที่ไหนดี” “ไม่รู้จะถ่ายอะไร”
วันนี้ จะมานำเสนอ วิธีแก้เซ็งเป็ด จากอาการดังกล่าว
————————————-
Still Life ไม่ใช่แนวศิลปะ แต่เป็น “วิธีการ” ในการทำงานงานศิลปะ
แต่เดิมจากพื้นฐานความเชื่อของ คนอียิปต์โบราณว่า การวาดภาพสิ่งของและ อาหารไว้ จะเป็นเหมือนการ สร้างสิ่งๆนั้นๆ ไว้ในอีกโลกหนึ่ง รอให้คนที่ตายไปได้นำไปใช้
พอมายุคกรีกโรมัน ภาพวาด Still Life เป็น การวาดภาพวัตถุสิ่งของเพื่อประดับตบแต่ง อาคารบ้านเรือน? และ เพื่อให้ศิลปินโชว์เก๋า ว่า กูวาดชามแก้วได้นะเว้ย
พอถึงยุคเรเนอซองส์ ก็ Still Life ก็รับใช้ศาสนาคริสต์เหมือนศิลปะอื่นๆ
ปัจจุบัน Still Life หมายถึงการ ทำงานศิลปะ โดยจัดแบบวัตถุสิ่งของ อาหาร
ของใช้ประจำวัน และอื่นๆ แล้วสร้างผลงานศิลปะ จากแบบนั้นๆ
ภาพ Still Life จึงมีมาเรื่อยๆๆ ตั้งแต่ยุคโบราณ จนถึงปัจจุบัน
ที่เราเห็นชัดๆ คือ “การถ่ายภาพ อาหาร” และ “การถ่ายภาพ ผลิตภัณฑ์”
แล้วมันช่วยแก้เซ็งเป็ดได้ตรงไหนกัน
ปัจจุบันหากมอง การถ่ายภาพ Still Life จึงไม่ใช่แค่ “การถ่ายภาพ”
แต่เป็น ศิลปะ ในการ “จัดวางแบบ”? เพื่อการถ่ายภาพ ไปด้วยในตัว
เป็นเรื่องน่ายินดี ที่ตอนนี้ ศิลปะเปิดกว้างพอที่จะไม่ต้องถ่ายแต่ อาหารและ
ชามแก้ว เราจึงสามารถ “ถ่ายรูปอะไรก็ได้” รอบๆตัว
แถมยังสนุกกับการ จับมัน วางๆตรงนั้นทีตรงนี้ที โดยไม่ผิดกฎแต่อย่างใด
ลองมองหา ของรอบๆตัวมาถ่าย Still Life ดู
ภาพตัวอย่าง
ถ่ายขวดน้ำดื่ม เอามาทำ HDR
เอาส้อมมาเรียงๆกัน
เอาดอกไม้แห้งเหี่ยว มาถือไว้
ถ่ายกล้วย ตอนตีสี? ก็ สนุกใช่เล่น 🙂
สวัสดี
อ้างอิงจาก http://en.wikipedia.org/wiki/Still_life